บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มีนาคม, 2020

เคล้ดลับการทำต้มยำ

รูปภาพ
อาหารยอดนิยมของคนไทย ต้มยำปลาทู เมนูต้มยำ อาหาไทย แบบง่ายๆ พร้อมวิธีท อาหารไทย เมนูอาหาร ยอดนิยมสำหรับ วันนี้ ขอนำเสนอ ต้มยำจากปลาทู อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ปลาทู มีโอเมก้าสาม สูง ราคาประหยัด เคล็ดลับการทำต้มยำปลาทู อยู่ที่ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ การปรุงรสชาติ ปลาทูนึ่งจะมีรสเค็ม การปรุงต้มยำปลาทู จึงต้องใช้เทคนิคให้ปลาทูและต้มยำรสชาติเข้ากันให้ได้ สูตรต้มยำปลาทู ส่วนผสมและขั้นตอนการทำ เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร ส่วนผสมสำหรับทำต้มยำปลาทู -ปลาทูนึ่ง 2 ตัว -พริกขึ้หนูสวน 5 – 10 เม็ด -น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต้ะ -น้ำมะนาว 2 ช้อนโต้ะ -น้ำปลา 1 ช้อนโต้ะ -หอมแดง 3 หัว ทุบให้หัวหอมพอบุบ -ตะไคร้ 1 ต้น นำมาหั่นเป็นท่อนๆ -เห็ดฟาง 4 – 5 ดอก นำมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ -ข่า 1 หัว นำมาหั่นเป็นแผ่นๆ -ใบมะกรูด 4 – 5 ใบ -ผักชีฝรั่ง 2 ต้น ซอยหยาบๆ -น้ำซุปกระดุกหมู 2 ลิตร วิธีทำต้มยำปลาทู เริ่มจากการนำปลาทูมาล้างก่อน และนำมาต้มในน้ำเปล่า ให้เนื้อปลาสุก และ ให้ลดความเค็มของปลาทูลง จากนั้นนำมาพักเอาไว้ก่อน เริ่มต้มน้ำต้มยำ โดยใส่น้ำต้มกระดูก...

ข้าวสวยหุงสุก

รูปภาพ
  ตักพร้อมเสริฟ์           ข้าวผัดปูคลีน   จากที่เคยกินข้าวผัดปูทั่วไปลองเปลี่ยนมาทำเมนูข้าวผัดปูคลีน สูตรจาก เฟซบุ๊ก Homemade Clean Food ใช้ข้าวหอมนิลผัดกับปูก้อนจนหอม ใครอยากใส่ผักเพิ่มคุณค่าก็จัดไปเลยค่ะ   ส่วนผสม ข้าวผัดปูคลีน           -น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา           -กระเทียมสับ           -เนื้อปูก้อน 1 ส่วน           -ไข่เป็ด 1 ฟอง           -ข้าวหอมนิล 1 ส่วน           -เกลือป่น           -หอมซอย (เอาแต่ใบเขียว)           -พริกไทย   หมายเหตุ : สัดส่วนข้าวหอมนิล 1 ส่วน เนื้อปูก้อน 1 ส่วน ไข่เป็ด 1 ใบ ตามสัดส่วนอาหารคลีน คาร์บ 1 ส่วน โปรตีน 1 ส่วน   วิธีทำข้าวผัดปูคลีน      1. ตั้งกระทะให้ร้อนจัด ๆ จนควันขึ้น ใส่น้ำมันมะกอกลงไปให้ทั่วกระทะ จากนั้นลดไฟลงแล้วใส่กระเทียมสับลง     ...

เอาใจคนชอบเมนูปลา

รูปภาพ
เอาใจคนชอบเมนูปลา อาหารญี่ปุ่นรับประทานเอง ปลากะพงย่างซอสมิโซะ   ใครชอบกินเมนูปลาอยากให้ลองทำเมนูปลากะพงย่างซอสมิโซะ จับปลากะพงไปย่างแล้วทาซอสมิโซะ เสิร์ฟกับข้าวสวยญี่ปุ่น เพิ่มเติมผักลวก ส่วนผสม ปลากะพงย่างซอสมิโซะ  -เนื้อปลากะพง (แล่เป็นชิ้น) 300 กรัม  -มิโซะ 80 กรัม  -มิริน (เหล้าหวานญี่ปุ่น) 1 ช้อนโต๊ะ  -ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 1 ฟอง  -น้ำมันพืช (สำหรับทาตะแกรง)  -หัวไช้เท้าขูด  -ข้าวสวยญี่ปุ่น วิธีทำปลากะพงย่างซอสมิโซะ      - นำมิโซะและมิริน เทใส่กระทะ ตั้งไฟอ่อน กวนผสมจนเข้ากัน ใส่ไข่แดงลงไป คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน พักไว้      - ตั้งไฟสำหรับย่าง ทาน้ำมันพืชให้ทั่วตะแกรง ทาซอสมิโซะ (ในข้อ 1) ให้ทั่วเนื้อปลากะพง นำไปย่างด้วยไฟอ่อนจนสุก  จัดเสิร์ฟพร้อมกับหัวไช้เท้าขูด และข้าวสวยญี่ปุ่น แหล่งที่มา   kapook

หลักการกินอาหาร

รูปภาพ
หลักการกินอาหาร เพื่อสุขภาพที่ดี ถอยห่างน้ำตาล จะบอกให้ว่า " น้ำตาล " หวานแอบซ่อนร้ายจริงๆเพราะไม่ใช่แค่ทำให้อ้วน เจ็บป่วยเบาหวาน แต่ยังเป็นสาเหตุของโรคหัวใจและก็เส้นเลือด เพิ่มระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี ทำให้อารมณ์แปรปรวน ผิวพรรณเหี่ยวย่นก่อนวัย แล้วที่น่ากลัวก็คือ เมื่อเราทานหวานมากมายๆติดเป็นนิสัย สมองก็จะหลั่งสารแห่งความสุขที่เรียกว่า "โอปิออยด์ (Opioid) และ "โดพามีน" (Dopamine) ออกมา ทำให้เราขาดความหวานไม่ได้ เหมือนกับติดยา แต่ถ้าเราค่อยๆลดปริมาณความหวานลงทีละน้อย สุดท้ายก็จะคุ้นชินกับอาหารที่ไม่มีรสหวานไปได้เอง เพราะฉะนั้น พยายามลดปริมาณน้ำตาลที่ใส่ลงในอาหาร รวมทั้งหลีกเลี่ยงขนมหวานๆทั้งหลาย เพื่อสุขภาพที่ดีนะคะ หวังว่าเคล็ดลับเหล่านี้ จะช่วยปรับทุกคนมีสุขภาพดี ลองเริ่มต้นดูจากการเลือกทานอาหารนี่แหละค่ะ แหล่งที่มา    kapook

เนื้อวัวพรีเมียมมีคุณภาพ

รูปภาพ
เนื้อวัวพรีเมียมมีคุณภาพ สร้างความอร่อยเริ่ดด้วยการรับประทาน มีผลวิจัยหลายชิ้นชี้ชัดว่า หากทานเนื้อแดง อย่างเช่น เนื้อหมู เนื้อวัว ในปริมาณที่มากเกินไป อาจก่อให้เกิดมะเร็งในร่างกายได้ จากการนำเนื้อแดงไปปรุงอาหารในอุณหภูมิที่ร้อนจัด ขณะที่การทานผลิตภัณฑ์หมูเนื้อแดงแปรรูป เช่น เบคอน ไส้กรอก หรือฮอทด็อก ก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจมากขึ้น แต่การทานเนื้อขาว เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา จะสามารถช่วยลดโอกาสเป็นมะเร็งตับได้ เห็นข้อมูลแบบนี้แล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะงดทานเนื้อแดงไปเลย แล้วไปทานแต่เนื้อขาวทุกมื้อ ทุกวันนะคะ เพราะไม่ว่าจะเป็นอาหารอะไร หากทานมากเกินไปก็ไม่ดีทั้งนั้น ดังนั้นควรจะทานในปริมาณที่เหมาะสม คือ ทานเนื้อแดงหรือเนื้อปรุงแต่งไม่เกินวันละ 50-100 กรัม ส่วนเนื้อปลาควรทาน 2-3 ตัวต่อสัปดาห์ ขณะที่เนื้อไก่ไม่ติดมัน ทานได้วันละ 1-2 มื้อ หวังว่าเคล็ดลับเหล่านี้ จะช่วยทำให้ทุกคนมีสุขภาพดี ลองเริ่มดูจากการเลือกทานอาหารนี่แหละค่ะ แหล่งที่มา   health.kapook